Skip to content

บาคาร่าออนไลน์เป็นหนึ่งในเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เนื่องจากกติกาที่เข้าใจง่ายและมีความรวดเร็วในการเล่น แต่สำหรับนักพนันที่ต้องการเล่นให้ได้กำไรและไม่ขาดทุน การจัดการทุน (Bankroll Management) เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง การเล่นบาคาร่าโดยไม่มีการจัดการทุนที่ดีอาจทำให้คุณเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินทุนอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการเล่นบาคาร่าออนไลน์ให้ได้กำไร พร้อมทั้งการจัดการทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

4. จัดการเงินทุนอย่างมีวินัย

การจัดการเงินทุนเป็นหัวใจหลักในการเล่นบาคาร่าออนไลน์ การแบ่งเงินทุนออกเป็นหลายๆ ส่วนและไม่เดิมพันในจำนวนที่มากเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้

  • แบ่งเงินทุน: แบ่งเงินทุนออกเป็นหลายๆ ส่วน เช่น หากคุณมีเงินทุน 10,000 บาท ให้แบ่งออกเป็น 100 หน่วย แต่ละหน่วยจะเท่ากับ 100 บาท เมื่อคุณเดิมพันแต่ละครั้ง จะเดิมพันเพียง 1 หน่วย

  • ไม่เดิมพันทั้งหมดในครั้งเดียว: ไม่ควรเดิมพันทั้งหมดในครั้งเดียว ควรเก็บเงินบางส่วนสำหรับการเดิมพันในรอบถัดไป เพื่อให้สามารถเล่นได้ยาวนานและลดความเสี่ยง

  • อย่าเพิ่มเงินเดิมพันหากแพ้: ถ้าคุณแพ้ในรอบแรกๆ อย่ารีบเพิ่มเงินเดิมพันเพื่อหวังจะเอาชนะเพราะการทำแบบนี้จะทำให้คุณสูญเสียเงินทุนอย่างรวดเร็ว

5. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดเล่น

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นบาคาร่าออนไลน์คือการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด หากคุณสามารถทำกำไรได้ตามที่ตั้งเป้าหมาย หรือหากคุณขาดทุนจนถึงขีดจำกัดที่ตั้งไว้แล้ว ควรหยุดเล่นและไม่พยายามแก้ตัวด้วยการเพิ่มเดิมพันเพื่อหวังจะได้คืน

สรุป

การจัดการทุนและการเล่นบาคาร่าออนไลน์อย่างมีสติและวิธีการที่ดีสามารถช่วยให้คุณลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น อย่าลืมตั้งเป้าหมาย กำหนดขอบเขตการเล่น และเลือกกลยุทธ์การเดิมพันที่เหมาะสมกับตัวเอง นอกจากนี้ยังต้องรักษาวินัยในการจัดการเงินทุน และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดเล่น เพื่อที่จะไม่ขาดทุนและสามารถสนุกกับการเล่นบาคาร่าได้อย่างยั่งยืน

การตั้งเป้าหมายก่อนเริ่มเล่นเป็นสิ่งที่นักพนันมืออาชีพมักทำเสมอ คุณควรกำหนดขอบเขตการเล่นในแต่ละครั้ง เช่น:

  • กำหนดจำนวนเงินที่พร้อมจะเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มเล่น ควรกำหนดจำนวนเงินที่คุณพร้อมจะเสียได้ ซึ่งก็คือเงินที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณ

  • กำหนดกำไรที่ต้องการ: ตั้งเป้าหมายว่าจะได้กำไรเท่าไหร่ก่อนที่จะหยุดเล่น เช่น หากคุณต้องการกำไร 20% ของเงินทุน เมื่อได้กำไรตามเป้าหมายแล้ว ก็ควรหยุดเล่นทันที

  • กำหนดขอบเขตการขาดทุน: กำหนดจำนวนเงินที่คุณสามารถขาดทุนได้ก่อนที่จะหยุด เช่น หากคุณขาดทุนถึง 30% ของเงินทุน ควรหยุดเล่นและกลับมาเล่นใหม่ในครั้งถัดไป

2. เลือกเดิมพันที่มีความเสี่ยงต่ำ

บาคาร่าออนไลน์มักมีตัวเลือกการเดิมพันหลายประเภท เช่น การเดิมพันกับ “เจ้ามือ” (Banker), “ผู้เล่น” (Player), หรือ “เสมอ” (Tie) และการเดิมพันข้างเคียงต่างๆ ซึ่งแต่ละตัวเลือกมีอัตราการจ่ายและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

  • เดิมพันกับเจ้ามือ (Banker): การเดิมพันกับเจ้ามือถือเป็นการเดิมพันที่มีอัตราชนะสูงสุดในเกมบาคาร่า โดยเจ้ามือจะมีโอกาสชนะสูงกว่าผู้เล่นเล็กน้อย จึงถือเป็นการเดิมพันที่ปลอดภัยที่สุด โดยอัตราการจ่ายจะเป็น 1:1 แต่ต้องหักค่าคอมมิชชั่น 5% จากการชนะ

  • เดิมพันกับผู้เล่น (Player): การเดิมพันกับผู้เล่นจะมีอัตราการจ่าย 1:1 และมีโอกาสชนะค่อนข้างสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในการเสียเดิมพันบ้าง

  • การเดิมพันเสมอ (Tie): การเดิมพันเสมอมีอัตราการจ่ายที่สูงถึง 8:1 หรือ 9:1 แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่สุด เพราะโอกาสในการเสมอระหว่างผู้เล่นและเจ้ามือค่อนข้างต่ำ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเดิมพันนี้หากคุณไม่ต้องการเสี่ยงมากเกินไป

3. ใช้กลยุทธ์การเดิมพันที่เหมาะสม

แม้ว่าบาคาร่าส่วนใหญ่จะเป็นเกมที่อาศัยโชค แต่การใช้กลยุทธ์การเดิมพันที่เหมาะสมก็สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะได้ ต่อไปนี้คือตัวอย่างกลยุทธ์ที่นักพนันหลายคนใช้:

  • กลยุทธ์มาร์ติงเกล (Martingale): กลยุทธ์นี้คือการเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าหลังจากการแพ้ทุกครั้ง เมื่อคุณชนะจะได้กำไรคืนทั้งหมดรวมทั้งกำไรจากเงินเดิมพันแรกที่เริ่มต้น

    • ข้อดี: ทำให้ได้กำไรคืนเมื่อชนะ

    • ข้อเสีย: ต้องมีทุนมากพอและอาจเสี่ยงสูงหากคุณแพ้ติดต่อกันหลายครั้ง

  • กลยุทธ์ฟิโบนัชชี่ (Fibonacci): ใช้ลำดับฟิโบนัชชี่ในการวางเดิมพัน โดยเพิ่มเงินเดิมพันตามลำดับที่กำหนดหลังจากการแพ้ และลดลงเมื่อชนะ

    • ข้อดี: เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ไม่ต้องการเพิ่มเดิมพันอย่างรวดเร็ว

    • ข้อเสีย: อาจจะต้องใช้เวลานานในการคืนทุน

  • กลยุทธ์การแทงแบบสม่ำเสมอ: กลยุทธ์นี้เน้นการวางเดิมพันในจำนวนเงินที่เท่ากันตลอดเวลา ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ โดยจะทำให้ไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียเงินทุนมากเกินไป